ความตั้งใจเดิม Blog นี้จะเป็น Blog ที่ให้ความรู้ โดยทีมหมอมะเร็ง แต่เมื่อมีคำถามจากผู้อ่านก็จะพยายามช่วยให้ความรู้ ในบางกรณีอาจมีข้อจำกัดทางด้านข้อมูล
การตอบคำถามจึงอาจจะเป็นคำตอบแบบกว้างๆ
พอเป็นแนวทางในการวางแผนการรักษาเท่านั้น
ส่วนการวางแผนการรักษามะเร็งที่แท้จริงนั้น
ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลท่านเป็นหลัก
ถาม : คุณพ่อผมอายุ 65 ปี ถ่ายเป็นมูกเลือด หมอตรวจและ ตัดเนื้อพิสูจน์แล้ว
ยืนยันว่าเป็นมะเร็งเร็คตัม
ควรจะไปรักษาที่ไหนดีครับ
ตอบ : การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนตรง
หรือที่คุณเรียกว่า มะเร็งเร็คตัมนั้น ขึ้นอยู่ปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ
1. ระยะของโรค
2. ตำแหน่งที่เป็น
เพราะจะเป็นปัจจัยในการเลือกว่าจะผ่าตัดก่อน
หรือ การให้รังสีร่วมกับยาเคมีบำบัดก่อน
อีกประการคือ
ตำแหน่งอยู่สูงเพียงพอเก็บหูรูด ซึ่งหมายถึงการเก็บทวารหนัก
เพื่อให้ขับถ่ายได้ตามปกติ หรือ ต้องใช้ถุงหน้าท้อง ซึ่งก็คือ การต้องนำลำไส้ใหญ่ออกทางหน้าท้อง
ส่วนการเลือกสถานที่รักษานั้น
ต้องขึ้นอยู่กับภูมิลำเนาของเรา ความสะดวกในการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง เพราะ
การรักษามะเร็งเป็นการรักษาต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นของการรักษาที่หากต้องให้ยาเคมีบำบัด
ร่วมกับรังสี ต้องใช้เวลาหลายเดือน
อย่างไรก็ตาม
ความพร้อมของโรงพยาบาลนั้นๆก็จะเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีความพร้อมและศักยภาพในการผ่าตัด
มีการให้ยาเคมีบำบัด และมีรังสีรักษา ความจำเป็นต่างๆเหล่านี้ ทั้งนี้สามารถปรึกษาศัลยแพทย์ผู้ดูแล
เพราะอาจจะมีรายละเอียดในการรักษาขั้นต่อๆไป เช่น
อาจจะต้องมีการรักษาต่อเนื่องหลังผ่าตัดหรือการรักษาก่อนผ่าตัดหรือไม่ นอกจากนี้ความพร้อมในสถานพยาบาลที่ส่งต่อมีหรือไม่
เพราะถ้าเป็นโรงพยาบาลศูนย์ในจังหวัดใหญ่ๆ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการผ่าตัด
แต่ต้องมีการส่งต่อเพื่อการรักษาต่อเนื่อง เช่นการฉายรังสีและยาเคมีบำบัด
อย่างที่หลายคนทราบ
มหาวิทยาลัยแพทย์ต่างๆก็จะมีความพร้อม
แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องความสะดวก เพราะมีคิวการรักษาที่ค่อนข้างยาว ดังนั้นถ้าอยู่ในที่ใกล้มหาวิทยาลัยก็สามารถพิจารณาเลือกได้
แต่หากท่านอยู่ต่างจังหวัด ก็อาจจะพิจารณาเลือกศูนย์มะเร็งต่างๆที่มีกระจายอยู่ทุกภูมิภาค ก็จะได้รับการรักษาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ในส่วนของการเลือกโรงพยาบาลเอกชน
ก็ต้องพิจารณาในลักษณะเดียวกัน เพราะในเอกชนบางแห่งผ่าตัดจะเร็ว แต่อาจจะมีปัญหาด้านการส่งต่อที่ยังขาดการประสานงานหลังจากนั้น
ซึ่งอาจจะทำให้เสียจังหวะของการรักษาที่เหมาะสมได้ ที่สำคัญที่สุดเรื่องของค่าใช้จ่าย ถ้าโรงพยาบาลเอกชนนั้นๆสามารถรักษาได้ครบทุกอย่าง
ให้ประเมินค่ารักษาให้ครบคอร์ส คือตั้งแต่ต้นจนจบการรักษา
รวมทั้งถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาภาวะแทรกซ้อนด้วย อย่างไรก็ดี มีหลายต่อหลายครั้งที่ประเมินผิด
ทำให้ผู้ป่วยและญาติอาจประสพปัญหาทางการเงิน บางคนต้องย้ายสถานที่รักษากลางคันเนื่องจากปัญญาเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งถ้าการรักษามีการเชื่อมต่อที่ไม่เหมาะสม
อาจจะส่งผลต่อการรักษา ทำให้ผลการรักษาไม่ดี
หรือไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็นได้ ดังนั้นการวางแผนเรื่องการเดินทางในการรักษา
ศักยภาพทางการเงิน และความสามารถในการดูแลผู้ป่วยของญาติผู้ป่วยอีกด้วย
ดีมากเลยค่ะทำให้เก็บเกียวข้อมูลไว้วางแผนการรักษาด้านอื่นด้วยว่างจะอานบทความอื่นต่อไป
ตอบลบ