วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ทีมสู้มะเร็ง (ตอนที่ 7) - ใจเหนือทุกข์ ตอน การพลักพรากและความผูกพัน

ไม่กี่วันนี้ เราคงได้ข่าวมีผู้มีชื่อเสียงในสังคมเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นเรื่องที่พบอยู่ได้บ่อยๆ และขณะเดียวกัน เราก็ได้ยินข่าวผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลา หรือ การต่อสู้ในตะวันออกกลาง รวมทั้งภูเขาไฟระเบิดที่ญี่ปุ่น ข่าวทุกข่าว เรื่องทุกเรื่อง ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดผลเดียวกัน ด้วยความรู้สึกเดียวกัน คือ ความเศร้าโศกเสียใจ ทุกข์จากการพลัดพราก

ภาพประกอบจาก : http://www.sharecare.com/health

Blog นี้ตั้งใจจะให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง   แนะนำการตรวจร่างกายด้วยตนเอง การป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในเบื้องต้น  รู้จักเครื่องมือ การตรวจ วินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม    เข้าใจความสำคัญของทีมมะเร็งและเรื่องราวอื่นๆเกี่ยวกับมะเร็งที่จะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่าน ในการเอาชนะโรคมะเร็งทั้งกายและใจ

ต่  30 ปี ของการเป็นหมอ ที่มีหน้าที่ช่วยผู้คนให้พ้นจากความทุกข์ของการเจ็บป่วย หมอต้องเผชิญกับเหตุการณ์หลากหลาย มีทั้งยินดีในความสุขของคนที่หายจากโรค เสียใจกับการสูญเสียผู้ป่วยที่สุดจะเยียวยา พบเห็นบรรยากาศที่เศร้าหมอง  อาการโศกเศร้าร่ำไห้ของญาติผู้ป่วย ละนั่นจึงเป็นที่มาของการนำประสบการณ์ที่เรียนรู้ และพบเห็นมาเขียนเพิ่มเติมในบล็อกนี้ อาจมีประโยชน์สำหรับการดูแลตนเอง ลดการวิตกกังวล  ลดความซึมเศร้า เพื่อห่างไกลจากความทุกข์  หากวันหนึ่งจะมีใครเผชิญกับโรคมะเร็งและหรือโรคร้ายอื่นใด จะได้ทุกข์น้อยที่สุด อย่างน้อยหมอในฐานะหนึ่งในทีมสู้มะเร็ง ก็หวังว่าคงช่วยแบ่งปันทุกข์สุขซึ่งกันและกัน  และช่วยให้ใจเราต่างเหนือทุกข์ด้วยกัน แม้จะมี ทุกข์ก็ขอให้น้อยที่สุด สั้นที่สุด ด้วยสติที่เรามีอยู่

น่นอนว่าหลายท่านมีประสบการณ์อยู่แล้ว หลายท่านรู้วิถีการปฏิบัติตนมากกว่าหมอ แต่เผื่อท่านที่เผอิญตกอยู่ในภาวะคาดไม่ถึง ตระหนก หวั่นกลัว วิตกกังวล  จนลืมหยิบข้อคิดดีๆที่สะสมไว้   บทความนี้จึงหวังจะช่วยในการกระตุ้นเตือนให้การต่อสู้ความทุกข์ทำได้ดีขึ้นเท่านั้น 

เรื่องของทุกข์ที่เกี่ยวเนื่องมาจากความเจ็บป่วยของผู้ป่วยหรือจากญาติผู้ป่วย เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะต้องมี  โดยเฉพาะความทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็ง และความทุกข์ที่อาจจะเกิดจากการพลัดพราก ซึ่งเกิดขึ้นทั้ง 2 ด้าน ทั้งผู้ที่อยู่ และผู้ที่จากไป ทุกข์นั้นทรมาน ยาวนาน เริ่มตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าตัวเองป่วย ระหว่างป่วย จนกระทั่งวันที่สิ้นสุดของการเจ็บป่วย แต่นั่นก็เป็นไปตามธรรมชาติที่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย

ผู้ที่จากไปคงหมดความทุกข์เพราะได้จากไปแล้ว ต่ทุกข์นั้นยังคงบั่นทอนจิตใจญาติผู้ยังอยู่                     

ฉะนั้นหลังจากแพทย์รายงานผลการตรวจในเบื้องต้น ขอให้ทั้งผู้ป่วยและญาติ  ตั้งสติ สงบ พยายามสยบความตระหนก ความกลัว  อย่าได้วิตกกังวลจนทำอะไรไม่ถูก ฟังแพทย์ให้เข้าใจ   โรคจะเลวร้ายในระดับไหนก็เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อการรักษาก่อน  จิตใจที่มั่นคงนำพาให้เราสะสางงานและปัญหาต่างๆที่ยังคงค้าง   สิ่งที่จะมอบหมายให้ใครจัดการแทนระหว่างเข้ารับการรักษาและหรือช่วงเวลาที่เราพักฟื้น ยิ่งไปกว่านั้นผู้ป่วยที่เข้มแข็ง แกร่งพอที่จะยอมรับชะตากรรมที่อาจเกิดขึ้นว่าโรคได้ลุกลามจนยากแก่การรักษานอกจากโชคเข้าข้าง จะได้วางแผนชีวิตแก่ตัวเองและครอบครัวเท่าที่กำลังวังชาจะทำได้  ทำให้เข้าโรงพยาบาลด้วยใจเหนือทุกข์  ควบคุมจิตใจตนเองไม่ให้ป่วยตามกาย ซึ่งข้อนี้ต้องฝากไว้กับแพทย์ และบุคคลากรทางการแพทย์ที่จะร่วมด้วย ช่วยกันรักษาผู้ป่วย ในการดูแลประคับประคองให้เหมาะสม  
 
สำหรับญาติก็บริหารจัดการชีวิตของญาติในระหว่างการรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้  ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยคลายความกังวลในระดับหนึ่ง อีกทั้งได้มีเวลาดูแลให้กำลังใจผู้ป่วย ดังที่ได้เขียนไว้ในหัวข้อทีมสู้มะเร็งหลายตอน

ต่อไปจะเป็นข้อคิดในการทำใจเหนือทุกข์

ใจเหนือทุกข์   
ตอน การพลัดพรากและความผูกพัน
ในหน่วยผู้ป่วยมะเร็งวิทยาได้มีกิจกรรมมากมายในการดูแลจิตใจผู้ป่วย  กิจกรรมหนึ่งที่นำมาสู่คำถาม และกระตุ้นให้เกิดความคิด ว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่  คือ กิจกรรมวันเกิดของผู้ที่มารักษา ซึ่งหน่วยงานมีเจตนาดี ที่จะได้แสดงน้ำใจ ความเอื้ออาทร ความห่วงใย และด้วยเจตนา ให้การดูแลผู้ป่วยเสมือนญาติ แต่หลายครั้งดูเหมือนว่า ท่ามกลางความยินดี จะมีความทุกข์   ความสับสน  สงสัย  ความกังวลเด่นชัดอยู่บนสีหน้าผู้ป่วยและญาติ เพราะ อดคิดไม่ได้ว่านี่คือ งานวันเกิดครั้งสุดท้าย แม้แต่ แพทย์ พยาบาล ที่รู้จักผู้ป่วยในช่วงสั้นๆ  เมื่อเกิดความผูกพันก็ย่อมที่จะพลอยเศร้าไปด้วย อย่างไรก็ตามความผูกพันเป็นความรู้สึกที่ดี เป็นความรู้สึกของการสร้างกำลังใจ เป็นความสุขที่มนุษย์ปุถุชน ธรรมดาต่างยินดีที่มีความผูกพัน เป็นโลกของความสดใส

แล้วเราจะทำอย่างไร เมื่อมีความผูกพันที่จะต้องมีความพลัดพรากตามมา     เรามาลองดูกันในอีกด้านหนึ่งของความรู้สึกที่อาจจะเยียวยาความทุกข์ได้ไม่น้อย
หากเรายอมรับกันได้ว่า      พลัดพราก           คือ                  ธรรมชาติ
หากเราคิดได้ว่า                พลัดพราก     เป็นเรื่องของ           สังขาร
และหากเราเชื่อว่า พลัดพราก เป็นเพียงแค่การจากกันของบางส่วนและชั่วคราวเท่านั้น

การที่เชื่อ  ยอมรับ และคิดได้ ย่อมช่วยให้ความทุกข์ของเราเบาบางลงและผ่านพ้นไปได้ง่ายขึ้น

พลัดพราก คือธรรมชาติ

การพลัดพราก เป็นธรรมชาติ   ซึ่งเกิดจากการ แก่ เจ็บแล้วตาย   เป็นกระบวนการทางธรรมชาติ ที่มีการสร้างความสมดุลของโลกใบนี้   ซึ่งมีมานับล้านๆปี แต่หากเราไม่มีการพลัดพรากที่เป็นธรรมชาติเลย โลกเรานี้อาจจะไม่มีที่ยืน ไม่มีที่อยู่อาศัย หรือมีอาหารเพียงพอแก่การดำรงชีพ  เราอาจจะกลับไปสู่โลกในอดีต ที่มีการสู้รบเพื่อมุ่งล่าอาณานิคม มุ่งแสวงหาความสมบูรณ์ของน้ำและอาหาร สงคราม  ทำให้เกิดการพลัดพราก ทำให้เกิดทุกข์   ทุกข์เช่นนี้ไม่ควรให้เกิด เป็นทุกข์ที่ผิดธรรมชาติ ไม่มีใครมีโอกาสบอกใครให้ใจอยู่เหนือความทุกข์ได้เลย   มีแต่ความเคียดแค้น มีแต่ทุกข์ทวีคูณ



1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25 ตุลาคม 2557 เวลา 22:49

    ดีมากค่ะคุณหมอชอบที่รักษากายมีเวลาช่วงหนึ่งรักษาใจให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่คนไข้สักนิดก็เป็นิกำลังใจแกเญาติด้วยค่ะ

    ตอบลบ