วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

ข่าวดีของผู้ป่วยประกันสังคม


 ภาพประกอบจาก : http://www.thehealthsite.com/diseases-conditions

นับเป็นข่าวดีที่ประกันสังคมเพิ่มสิทธิยาจำเป็นในบัญชียาพิเศษ ที่สามารถเบิกได้สำหรับผู้ประกันตนอีก 4 รายการ ที่เกี่ยวข้องมีอยู่ 3 รายการด้วยกันที่เป็นยาสำหรับมะเร็ง คือ Trastuzumab, Nilotinib และ Dasatinib ต้องถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก ในส่วนของข้อบ่งชี้ และการใช้ ผมคงไม่เข้าไปในรายละเอียด เพราะแพทย์ผู้รักษาคงจะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้ ข้อคิดเห็นในวันนี้ คือ ช้าไปหรือไม่ เพราะในเรื่องการเพิ่มสิทธิการเบิกนี้ เป็นข้อที่เรียกร้องมา ตั้งแต่ปี  55 แล้ว กว่าจะถึงวันนี้ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งก็คงสูญเสียโอกาสการใช้ยาเหล่านี้ไปแล้ว

แต่ด้วยเหตุผลที่ต้องทำความเข้าใจ คือ  ในการควบคุมรายการยานั้น ต้องมีมุมมองทางด้านความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทยด้วย  แม้เราจะรู้สึกและมีคำถามว่าน่าจะให้ได้ ทำไมไม่เห็นความสำคัญของชีวิตหรือ ซึ่งบางครั้งหมอบางท่านก็หงุดหงิด เมื่อบางรายการที่เคยใช้ ถูกตัดออกจากบัญชียาหลักแห่งชาติ   ผมคิดว่าทุกคนให้ความสำคัญ แต่ต้องรับว่า ยาบางตัว ไม่ได้ประโยชน์ชัดเจน  บางคนเรียกว่า ยาผีบอก ยาหลอก จึงมีการทดลองมากมายเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นผลดีอย่างชัดเจนก่อน  อย่างไรก็ตามผมขอยืนยันว่า การแพทย์ไทยนั้นไม่ได้เป็นรองใครอาเซียนและถือว่าก้าวหน้าทีเดียว ในบางประเทศเพิ่งจะมีเครื่องฉายรังสีเท่านั้น

ปัญหาที่สำคัญ คือความแตกต่างในแต่ละสิทธิประโยชน์ และความพยายามให้ทุกสิทธิเท่าเทียมกันเป็นเรื่องยากมากที่จะไปสู่จุดร่วมที่เหมาะสม เพราะคำตอบจากแต่ละกลุ่มสิทธิประโยชน์ ล้วนมีเหตุผลของตัวเอง หากมีการอนุมัติในส่วนราชการ  ก็จะเกิดความรู้สึกในกลุ่ม สปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) หรือ บัตรทอง อาจจะมีความรู้สึกว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน หรืออาจหมายถึงสิทธิของผู้มีรายได้น้อย ทำไมไม่มีสิทธิเหมือนข้าราชการ หรือแม้แต่กลุ่มประกันสังคม ซึ่งมีความรู้สึกว่าตนเองต้องจ่ายเงินร่วมประกันตนทุกเดือน ทำไมจึงไม่มีสิทธิ

เห็นหรือไม่ครับว่า   ทุกมุมมองล้วนแต่มีเหตุผลของตนเอง    ถ้าจะมองในมุมข้าราชการ ก็จะบอกว่า ข้าราชการเงินเดือนเท่าไร  การที่เขายอมรับเงินเดือนน้อย เพราะสิ่งที่พวกเขาคาดหวังคือความมั่นคงในชีวิต สวัสดิภาพ สวัสดิการ เมื่อยามที่เจ็บไข้ได้ป่วยในขณะที่กลุ่มเอกชนที่เงินเดือนสูงกว่าก็เข้าระบบประกันสังคม ส่วนกลุ่มที่เป็นสวัสดิการรัฐ คือ บัตรทอง ก็ไม่ต้องจ่ายอะไร  
ทางแก้ที่น่าสนใจ และนำไปสู่ความยุติธรรมมากที่สุด น่าจะเป็นระบบการร่วมจ่ายเหมือนกับระบบประกันสุขภาพ หรือระบบประกันชีวิต ที่จ่ายคืนตามสัดส่วนหรือมูลค่าของการจ่ายค่าประกัน  หากคุณเลือกบริการที่มากกว่าก็ต้องจ่ายเพิ่ม เพราะถ้าขาเข้าต่างกัน ขาออกก็จะแตกต่างกัน หรือให้ดูตัวอย่างการเดินทาง ที่ทุกคนไปถึงจุดหมายเดียวกัน หากสิทธิประโยชน์ของคุณ เป็นชั้นประหยัด คุณอยากนั่งชั้นธุรกิจ ก็ต้องจ่ายแพงกว่า โดยการจ่ายเพิ่ม


เราจะดูแลสุขภาพของประชาชนให้ดีที่สุด ในเชิงการรักษา  ที่แม้ไม่มีเงินเลย เราก็ต้องรักษาให้ดีที่สุด  แต่ความแตกต่างในเชิงบริการนั้นควรที่ต้องมีการจ่ายเพิ่มเติมที่เหมาะสม  เพื่อความสมดุลย์ของการรักษาระบบเอาไว้  ทั้งนี้ต้องมีระบบการควบคุมให้เป็นไปตามนโยบายอย่างชัดเจน อย่าให้มีการฉวยโอกาสอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือ เมื่อฟรี ก็ใช้อย่างไม่ระมัดระวัง การเบิกจ่ายของทุกกองทุน จึงประสพปัญหาในการที่จะหายา หรือวิธีการรักษาให้ทั่วถึงได้

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12 กันยายน 2557 เวลา 00:39

    ขอบคุณครับที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ21 กันยายน 2557 เวลา 07:28

    ถูกใจค่ะขอให้แพทย์เมืองไทยเจริญๆนะค่ะหากคิดถึงเร่ืองการดูแลคนไข้มากกว่าค่ารักษา

    ตอบลบ