![]() |
ภาพประกอบจาก : http://www.sharecare.com/health |
การตั้งคำถามหรือการหาข้อมูลที่เหมาะสม จะนำไปสู่การเข้าใจในการวินิจฉัยและการรักษา โดยปกติเมื่อแพทย์อธิบายจบ มักจะเปิดโอกาสให้ถาม ผู้ป่วยมักจะเงียบ ซึ่งอาจจะไม่รู้ว่าควรถามอะไร
หรือบางครั้งไม่กล้าถาม เอาเป็นว่าหากเราจำเป็นต้องอยู่ในทีมสู้มะเร็ง
ขอให้ถามสิ่งที่เป็นข้อข้องใจเพื่อความกระจ่าง หรือ ถ้าคิดไม่ออก ก็ลองพิจารณา 10 คำถาม
เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนของท่าน
1. การตรวจอะไรจะช่วยในการวินิจฉัย และการวางแผนการรักษา
ในเรื่องนี้อาจจะมีความเห็นที่ต่างกันในแพทย์แต่ละท่าน
แต่จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ถาม
เพราะอาจจะทำให้แพทย์ตัดสินใจเพิ่มการส่งตรวจบางอย่าง เช่น PET/CT ที่จะช่วยกำหนดตำแหน่ง
หรือค้นหาโรคเพิ่มเติม ทั้งๆที่การตรวจมาตรฐานในการรักษาทั่วไป อาจจะไม่ได้กำหนดไว้ แต่
อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเราก็ได้ การตรวจทางชีวโมเลกุล ที่อาจจะบ่งบอกถึงการตอบสนองหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษา
ซึ่งจะช่วยลดการเสียค่าใช้จ่าย หรือ ลดภาวะแทรกซ้อนลงได้
อย่างไรก็ตามการปรึกษากันจะเป็นการช่วยตัดสินใจในการส่งตรวจของแพทย์ เพราะบางครั้งถ้ามีค่าใช้จ่ายสูง
ประโยชน์ไม่มาก ก็อาจจะไม่จำเป็นก็ได้
แต่บางครั้งญาติได้ยินมามีการตรวจชนิดนั้นชนิดนี้ แล้วไม่ได้ตรวจก็อาจจะติดใจ
ทั้งๆที่การตรวจนั้นไม่มีประโยชน์เลยก็เป็นได้
2. การตรวจแต่ละอย่างจะมีส่วนช่วยอะไรในการบอกชนิด ขนาด ระยะ และการลุกลามของโรค
ในเรื่องนี้ต้องมีความเข้าใจกัน
เพราะบางครั้งคำถามที่ผู้ป่วยถามหรือกังวล ทำให้แพทย์จำเป็นต้องส่งตรวจ
ทั้งๆที่การตรวจเพื่อหาการกระจายนั้นมีโอกาสพบได้น้อยมาก หรือบางครั้งแพทย์ส่งตรวจหลายอย่าง
ผู้ป่วยอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตรวจมากมายนัก เช่น เป็นมะเร็งเต้านม
แต่ต้องตรวจสแกนกระดูกทั่วตัว เป็นต้น ฉะนั้นหากสงสัยตามหัวข้อข้างต้น
ให้ถามนะครับ
3. การรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบัน หมอจะแนะนำการรักษาใด
เพราะอะไร
ซึ่งทั่วไปแพทย์ควรอธิบายวิธีการรักษาทุกอย่างที่อาจจะใช้ได้
แม้แพทย์ท่านนั้นจะไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งแน่นอนที่สุด เมื่อเลือกแล้ว
ท่านก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อจากแพทย์ผู้รักษา
แต่การอธิบายเพื่อลดปัญหาในภายหลัง
ที่พบบ่อยในช่วงหนึ่งคือการรักษาด้วยการตัดเต้านมทั้งหมด หรือ
การรักษาด้วยการเก็บรักษาเต้านม แต่ต้องฉายรังสีร่วมด้วย ซึ่งการตัดสินใจนั้นแพทย์ต้องเป็นทีมกับผู้ป่วย เช่นผู้ป่วยบางรายในสมัยนั้นกลัวการฉายรังสี หรือ
บ้านอยู่ต่างจังหวัด ไม่สามารถอยู่ฉายรังสีถึง 5 สัปดาห์ในกรุงเทพได้
กลุ่มนี้ก็ควรจะรักษาด้วยการตัดเต้านมเลย
เพราะเป็นการรักษาด้วยการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว หรือในทางกลับกัน หากเขาอยากรักษาเต้านม ก็สามารถแนะนำหรือประสานงานกับศูนย์มะเร็งที่อยู่ใกล้บ้านผู้ป่วยเพื่อร่วมกันรักษาด้วยวิธีผ่าตัดเก็บรักษาเต้านมแล้วตามด้วยการฉายรังสี
4. หากการรักษาดูเหมือนไม่ได้ผล แนวทางในการรักษาต่อไปจะเป็นอย่างไร
เป็นคำถามที่อาจจะถามเมื่อมีปัญหา หรือ อาจจะถามตั้งแต่ต้นก็ได้
เพราะการรักษาทุกชนิด ย่อมมีกลุ่มที่ไม่ได้ผล
ในบางโรคจะมีการรักษา 2 อย่างที่ได้ผลเหมือนกัน เมื่อล้มเหลวจากการรักษาที่
1 ก็ใช้วิธีที่ 2 เช่น เช่นมะเร็งปากมดลูกระยะที่
1 ก็อาจจะผ่าตัดก่อน ถ้ามีปัญหาก็ฉายรังสีตามหรือถ้าฉายรังสีก่อนแล้วมีปัญหาก็แก้ด้วยการผ่าตัด ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ท่านต้องตัดสินใจที่จะปรึกษาแพทย์ว่าจะมีแนวทางอย่างไร ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญมาก
เพราะจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกแพทย์ หรือทีมรักษาที่มีความยืดหยุ่น
ไม่ยึดติดในแนวคิด
โดยเป็นทีมเดียวกับผู้ป่วยและญาติ
โดยเฉพาะแนวทางการรักษาใหม่ๆ เมื่อการรักษาเดิมไม่ได้ผลตามที่คาด
5. ภาวะแทรกซ้อนมีอะไรบ้าง
ภาวะแทรกซ้อนมีอะไรบ้าง และที่ผ่านมาเกิดมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการที่รับมือในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น
ภาวะพิการที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดก้อนเนื้องอกในสมอง การเจ็บปาก จากการได้รับรังสี ผมร่วง
ซึ่งในบางรายที่จะเกิดขึ้น ก็จะได้เตรียมวิกผมไว้ก่อนเป็นต้น นอกจากนี้ในบางโรคหรือ การรักษาที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
จะต้องหยุดงานเพื่อการรักษาตัวหรือหลีกเลี่ยงในที่ชุมชน ซึ่งในบางอาชีพที่มีความจำเป็นเช่น ขายของในตลาด อาจจะต้องหาคนทำงานแทน เป็นต้น
6. หากมีภาวะแทรกซ้อนแล้ว หมอจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร มีวิธีการป้องกัน
หรือลดความรุนแรงลงได้อย่างไร การรักษาแบบผสมผสานของ หน่วย โภชนากร ธรรมชาติบำบัดที่ไม่ใช้ยา ( naturopathic medicine ) กิจกรรมที่เสริมสร้างศักยภาพทางจิตใจให้เกิดผลทางบวก
ต่อการทำงานของร่างกาย หรืออาการโรคต่างๆ
( mind-body medicine ) การฝังเข็ม กายภาพบำบัด
จะมีส่วนช่วยหรือไม่ ในปัจจุบัน
สถาบันการรักษามะเร็งที่ทันสมัยจะมีหน่วยที่เรียกว่า Integrative Oncology เพื่อการดูแลภาวะแทรกซ้อนทุกชนิดที่เกิดจากมะเร็ง หรือการรักษา
เพื่อให้การรักษาได้ผลดี ผู้ป่วยจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
แม้บางแห่งจะไม่เป็นหน่วยงาน แต่ก็จะมีการปรึกษา เพื่อร่วมกันดูแล
7. หมอมีผู้ป่วยในลักษณะเดียวกันมากน้อยแค่ไหน
ผลเป็นอย่างไร
เครื่องมือที่มีอยู่ในโรงพยาบาลนี้สนับสนุนการักษาดังกล่าวหรือไม่ โปรดถามได้เลย และอย่ามัวกรงใจว่าจะกระทบความรู้สึกของแพทย์
แพทย์โดยทั่วไปมีจริยธรรมทางการแพทย์ เข้าใจความรู้สึกของผู้ป่วยดีว่าอยากรักษาด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ต้องการแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษานั้นๆ
คุยกันก่อนที่จะเสียความรู้สึกภายหลั
8. ใครบ้างที่จะมีส่วนร่วมในทีมรักษา
นอกจากแพทย์ในการรักษาหลักแล้ว ผู้ที่รักษาร่วม อาจจะเป็น ศัลยแพทย์
รังสีแพทย์ ในที่นี้ยังหมายรวมถึงกลุ่มสนับสนุนอื่นๆด้วย ประเด็นคือ ต้องพบทีมมากน้อยและบ่อยแค่ไหน เพราะในบางครั้ง
หลังการรักษาครบแล้ว ความจำเป็นหรือความถี่ในการพบแพทย์หรือ
ทีมก็จะแตกต่างกัน เช่น
การรักษาโรคมะเร็งทางโลหิตวิทยาที่มีการฉายรังสีร่วมด้วย ในกรณีเช่นนี้ แพทย์หลักก็จะเป็นแพทย์ทางโลหิตวิทยา ทางรังสีจะติดตามดูเพียงภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นจากรังสีเท่านั้น
9. สถานที่ให้การรักษา
เป็นเรื่องที่เราควรจะพิจารณาความพร้อม เพื่อสามารถให้การรักษาทุกอย่างที่จุดเดียว
เหมือนที่เรารู้จักกันดีที่ว่า one
stop service และถ้าความเข้าใจตรงกันดีแล้ว
ประเด็นต่อมาคือคิวการรักษา ความรวดเร็ว และ ท้ายที่สุด คือ ความสะดวก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้ยาเคมีบำบัดที่บางครั้งต้องให้เป็นช่วงๆ ระยะเวลารวมถึง
6 เดือน ผู้ป่วยที่อยู่ไกล ต้องคำนึงถึงการเดินทาง และที่พักด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะแบ่งการรักษาร่วมกันอย่างเหมาะสม
เช่น ผ่าตัดในที่สะดวก หากกำหนดการรักษาได้เร็วกว่า
แล้วค่อยด้วยฉายรังสี หรือรับเคมีบำบัดอีกแห่งหนึ่งก็ได้
10. การวางแผนให้เกิดความสมดุลย์
ของการรักษา และความต้องการในชีวิตประจำวัน
ซึ่งควรจะเป็นการวางแผนร่วมกันในแต่ละช่วงของโรคและวิธีการรักษา
ซึ่งเรื่องนี้ควรมีการปรึกษาอย่างเปิดเผยกับแพทย์ผู้รักษาว่า ถ้ารักษาแล้วจะกระทบต่อการงานอย่างไรบ้าง
เช่น คนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง จะต้องวางแผนอย่างไร ให้มีการสลับงานระหว่างการรักษา
เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนลง ผู้ป่วยบางรายมีปัญหาเรื่องของเวลาการทำงาน
ซึ่งที่ทำงานเข้มงวดเรื่องวันหยุดวันลา เป็นต้น
ผู้ป่วยเองอาจจะยังมีปัญหาสงสัยนอกเหนือจาก 10 คำถามดังกล่าว แนะนำให้จดเอาไว้เพื่อถามให้หายข้องใจ แพทย์ส่วนมากยินดีตอบอยู่แล้วยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยที่เหนือการคาดเดา
หวังว่าท่านผู้อ่านพอจะทราบเหตุผลในความสำคัญของคำถามทั่วไปบ้างแล้วนะครับ ส่วนคำถามที่เป็นความจำเพาะก็จะเป็นคำถามเฉพาะโรค หรือ เฉพาะวิธีการรักษาครับ
ข้อที่7เป็นข้อที่อ่านแล้วเกิดความสบายใจในการจะถามเพราะเคยพบหมอที่ดูเด็กมากจนลังเลไม่กลับไปหาอีกค่ะเช่ือค่ะว่าหมอทุกท่านผ่านการอบรมมีจริยธรรม
ตอบลบอยากถามข้อ7อยู่เหมือนกันครับยังไงก็ไม่กล้าครับ
ตอบลบ