ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์
ของทุกปี เราถือว่าเป็นวันมะเร็งโลก ที่ทั่วโลกรณรงค์ในการการต่อสู้กับโรคมะเร็ง
ซึ่งเราจะเห็นทั้งการพูดถึงปัจจัยเสี่ยง สถิติ และการตรวจคัดกรอง
กันมากมายในสื่อต่างๆ
พร้อมๆกับความน่ากลัวของสถิติการเป็นและการตายที่เพิ่มขึ้น
แม้แต่รายงานจากหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง
ซึ่งมีมาตรฐานทางสาธารณสุขที่ดี ก็มีอัตราที่สูงขึ้น เราเองต้องช่วยกันหยุดยั้งภัยคุกคามนี้ ด้วยการหมั่นตรวจสุขภาพ
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ตามแนวคิดปี
2558ที่ว่ามะเร็งไม่ได้อยู่เหนือเรา
วันนี้เราจะก้าวไปสู่การรักษาที่ต้องเรียกว่าเป็นเรื่องอนาคต แม้องค์ความรู้จะมียาวนานแต่เพิ่งจะมีบทบาทในทางคลินิค หรือนำมาใช้รักษามากขึ้น
คือ การใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด
หนึ่งในกลุ่มนี้ คือ NK Cell
NK
cell หรือ Natural
killer cell เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในคนไทย
มีการเรียกชื่อไทยไปต่างๆกัน มีผู้เรียกว่า เซลล์เพชฌฆาต ฟังแล้วเป็นความหวังขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะโรคร้ายแบบมะเร็ง
หรือโรคร้ายอื่นๆที่มีความแปลกปลอมเกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์
เซลล์นี้มาจากไหน...
เซลล์นี้
เป็นเซลล์ที่ถูกสร้างและกระตุ้นภายในร่างกายของเราเอง
ปัญหาสำคัญอยู่ที่ปริมาณที่มีนั้นเพียงพอหรือไม่
โดยทั่วไปเราจะรู้จักคำว่าเม็ดเลือดขาว
ซึ่งส่วนใหญ่จะรู้ในเชิงที่ว่าเมื่อมีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เม็ดเลือดขาวจะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับการติดเชื้อนั้นๆ
เมื่อเราดูลึกลงไปจะทราบว่า
เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันดี คือ ลิมโฟไซท์ (Lymphocyte) และในกลุ่มนี้ที่เรารู้จักมากขึ้น
คือ T cells, B cells และ NK cells
NK cells เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน
มีบทบาทในการปกป้องเซลล์ปกติจากทั้งเซลล์มะเร็งและการติดเชื้อไวรัส
NK cells แยกเซลล์ติดเชื้อและเซลล์มะเร็งออกจากเซลล์ปกติและไม่ติดเชื้อ โดยแยกแยะที่ผิวโมเลกุลที่เรียกว่า MHC (Major Histocompatibility Complex) NK cells ถูกกระตุ้นด้วย กลุ่ม Cytokines
เป็น Activated NK
cells ที่มีคุณสมบัติในการจะหลั่งสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ (Cytotoxic Granules) ซึ่งจะทำลายเซลล์ที่ผิดปกติ
ทั้งหมดเป็นกระบวนการที่เชื่อว่า เกิดขึ้นในกลุ่ม NK cells ของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซท์ (Lymphocytes) ภายในร่างกายของคน ในขณะเดียวกันก็ยังเชื่อในกระบวนการเดียวกัน ก็สามารถเกิดในกลุ่ม T cell ด้วย
จากแนวคิดที่ว่า ผู้ที่เป็นมะเร็งมักจะมีภาวะภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าคนปกติทั่วไป เป็นเหตุให้ไม่สามารถทำลายเซลล์หรือสิ่งแปลกปลอมได้ ในทางกลับกันหากเราสามารถกระตุ้นหรือสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้มากขึ้น ก็น่าจะมีโอกาสในการทำลายหรือ กำจัดเซลล์มะเร็งได้
นี่เป็นที่มาของการรักษาด้วยระบบภูมิคุ้มกัน
ซึ่งใช้วิธีการเลียนแบบธรรมชาติ แต่ด้วยระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยไม่ดีพอ
จึงมีการเจาะเลือด เพื่อหาเซลล์กลุ่มเหล่านี้ เรียก ขบวนการนี้ว่า Purification เมื่อได้เซลล์ที่ต้องการแล้ว
ก็จะไปเลี้ยง เพื่อเพิ่มจำนวน ที่เรียกว่า Amplification เมื่อได้จำนวนที่มากพอ ก็จะฉีดกลับไปในตัวผู้ป่วย ซึ่งหากกระบวนต่อไป คือการทำลายเซลล์ เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสการหาย หรือ ลดการกระจายของโรคได้
ความสำคัญของ Natural Killer หรือ เพชฌฆาตธรรมชาติ คือการไม่เป็นพิษ
ต่อร่างกายของผู้ป่วย
เพราะเป็นเซลล์ต้นกำเนิดจากผู้ป่วยเอง และไม่ใช่สารเคมี จึงแตกต่างจากการใช้ยาเคมีบำบัด ที่มีภาวะแทรกซ้อนค่อนข้างมากจากการทำลายเซลล์ปกติไปด้วย NK Cells จึงเป็นความหวังอย่างมากในอนาคต ในปัจจุบันมีการเริ่มทดลองใช้มากขึ้นในกลุ่มที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีมาตรฐาน รวมทั้งการใช้ในการร่วมรักษากับวิธีการรักษาอื่นๆ
เช่น การผ่าตัด ยาเคมีบำบัด
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในยุคปี 2015 คือการกระตุ้นเซลล์ธรรมชาติเหล่านี้ด้วยความร้อนที่เรียกว่า Hyperthermia ที่มีรายงานการใช้ร่วมกันมากขึ้น
โดยพบผลการรักษาที่แตกต่างกันชัดเจนในการเพิ่มความร้อนในการร่วมรักษา
ที่นำเสนอนี้ มีหลักฐานการอ้างอิงทางวิชาการ ทั้งรายงานที่เป็นไปตามคาดและไม่เป็นไปตามที่คาด บางรายงานเป็นเพียงตัวอย่างผู้ป่วยเท่านั้น
จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นความหวังหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่มาตรฐานการรักษาในปัจจุบัน การก้าวทันความก้าวหน้าในเรื่องนี้ เป็นสำคัญ
เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยในบางกรณี แต่การที่จะนำไปไปใช้ตามที่มีประชาสัมพันธ์กันมากมายในสื่อต่างๆ ควรอย่างยิ่งที่จะปรึกษาถึงความเหมาะสมและความจำเป็นจากแพทย์ประจำตัวของท่าน ก่อนการตัดสินใจครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น