![]() |
ภาพประกอบจาก: https://about.sharecare.com |
เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้บ่อยในการตัดสินใจรับการรักษา โดยเฉพาะในโลกปัจจุบัน ที่มีการเชื่อมโยงของข้อมูลได้รวดเร็วและอิสระ บางครั้งขาดการกลั่นกรองหรือทำความเข้าใจที่ดีพอ หนึ่งในความสับสนที่พบบ่อยคือ คำอธิบายของแพทย์ที่ต่างกรรม ต่างวาระ ดังตัวอย่างนี้
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นมะเร็งตับอ่อน
เกิดอาการสับสนอย่างหนัก เพราะแพทย์แจ้งว่าที่รักษามาผิดพลาด
ต้องรักษาแบบใหม่ที่ต้องใช้ยา ราคาแพงที่จำเพาะต่อโรค
เม็ดละ 7,000 บาท เป็นระยะเวลาหนึ่งที่ยังกำหนดไม่ได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไร
รายละเอียดที่น่าสนใจ คือ
1. ผู้ป่วยท่านนี้ เป็นมาแล้ว 12 ปี
2. เป็นมะเร็งตับอ่อน ชนิด A ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้โดยศัลยแพทย์ เนื่องจากก้อนยึดติดอยู่ จำเป็นต้องรักษาต่อด้วยวิธีอื่น
จึงถูกส่งตัวเข้าปรึกษาในมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งหนึ่ง
3. ได้รับการรักษาด้วยวิธีการฉายรังสี และยาเคมีบำบัด
ตามแบบมะเร็งตับอ่อน ภรรยารับทราบถึงพยากรณ์โรคที่ไม่ดี จึงคิดที่จะลาออกจากราชการ
4. ในการติดตาม
มีการใช้ยาเคมีบำบัดที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น เนื่องจากพบการกระจายที่ตับ
5. ต่อมามีภาวะแทรกซ้อนจากยาเคมีบำบัด
และผลการตอบสนองไม่ดีนัก ผู้ป่วยจึงได้รับการฉายรังสี 1-2 ปี ต่อครั้ง เพื่อบรรเทาอาการ หรือเมื่อก้อนโตขึ้น
6. ผลการติดตามการรักษา ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีสามารถปฏิบัติราชการในต่างประเทศ และกลับมาติดตามการรักษาเป็นระยะ
7. ต่อมาเอกซเรย์ มีการกระจายของโรคอีก แพทย์ท่านหนึ่ง ได้พิจารณาว่าให้มีการตัดชิ้นเนื้อ เพื่อหาทางกำหนดแนวทางการรักษาใหม่
ด้วยเทคนิคการย้อมพิเศษ พบว่าเป็นเนื้องอก ชนิด B
เมื่อเป็นเช่นนี้
จึงเปลี่ยนเป็นยามุ่งเป้า ซึ่งทั้งเทคนิคทางการตรวจและการให้ยามุ่งเป้าสำหรับมะเร็งชนิดนี้ เพิ่งจะได้รับการพิสูจน์ในระยะ 2 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งก็นับว่าน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อได้รับคำอธิบายว่า
การรักษาที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง ต้องใช้ยาใหม่ที่มีความจำเพาะ ผู้ใหญ่ท่านนี้ก็สับสนเล็กน้อย
เพราะที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกดีกับการรักษามาตลอด แต่ด้วยหมอท่านใหม่ที่รักษา แนะนำยาใหม่
ซึ่งเขาเองก็คิดว่าดีแน่ เพราะเป็นยาที่มีราคาสูงทีเดียว
2
เดือนผ่านไป อาการกลับแย่ลง ผู้ป่วยเกิดแพ้ยา ผิวแห้ง คัน กินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลด เกือบ 10 กิโลกรัม ทั้งๆที่หมอว่ายานี้แทรกซ้อนน้อย
ท่านควรจะทำอย่างไร กลับไปหาหมอเดิมดีหรือไม่ หรือรักษาต่อไป
ท่านสับสนครับ
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
เป็นสิ่งที่ถูกต้องและเกิดขึ้นได้ ความถูกต้องในเวลาที่แตกต่างกัน
อาจจะไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะการรักษาโรคมะเร็งที่มี ความก้าวหน้าในการวินิจฉัยและการรักษาเมื่อ 12 ปี ก่อน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หากไม่ได้รับการรักษา ก็อาจจะไม่สามารถอยู่มาได้ โดยมีคุณภาพชีวิตที่ดีมาได้นานขนาดนี้
การรักษาที่ได้รับในปัจจุบันก็ถูกต้องตามหลักวิชาการที่ทันสมัย แต่ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องจำเพาะบุคคล เพราะยามุ่งเป้านั้นเป็นการแพ้
ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าจะแพ้ได้มากมายขนาดนี้
เหมือนยา ซัลฟา ที่ใช้ทั่วไป อาจจะแพ้ ถึงขนาดเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ควรเชื่อมั่นในทีมสู้มะเร็ง การพูดคุยกันทั้งแพทย์
ผู้ป่วยและญาติ ในความรู้สึกต่อการรักษา โปรดอย่าใช้คำว่าผิด ถูก เพราะทุกอย่างเป็นศาสตร์และศิลป์ ที่มุ่งหวังการรักษาเพื่อผู้ป่วยทั้งนั้น
อย่าว่าแต่ต่างเวลากัน10 ปี เลย แม้ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ต่างความคิด การตัดสินใจที่ต่างกัน
ก็ย่อมเกิดขึ้นได้
เมื่อผู้ป่วยเริ่มสับสนไม่เข้าใจ หมอก็ต้องพยายามสื่อสาร ทำความเข้าใจ และร่วมกันวางแผนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย โดยบอกกล่าวให้แจ่มแจ้งชัดเจนผมขออนญาตย้ำว่าผู้ป่วยทุกท่าน สามารถสอบถามข้อข้องใจเพื่อความเข้าใจได้อยู่แล้วนะครับ ตั้งสติ
ตั้งคำถามให้กระจ่าง ตั้งสติ ตอบคำถามที่ชัดเจน เป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย
ที่กำลังทุกข์ อย่าให้เกิดความสับสนนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น