วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก (2 หรือ 3 เข็ม)

ภาพประกอบจาก: http://www.medscape.com

หลายวันก่อน ผมได้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยท่านหนึ่งที่เป็นมะเร็งปากมดลูก แล้วตั้งใจจะให้ลูกฉีดวัคซีนป้องกัน แต่ข้องใจเรื่องการฉีด 2 หรือ 3 เข็มจึงจะดี เข้าใจว่าเป็นข้อสงสัยที่ผู้อ่านบางท่านก็อาจอยากทราบข้อมูล จึงขอนำเสนอในบทความวันนี้ ครับ

โดยทั่วไปเป็นที่ยอมรับกันแล้วในเรื่องการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส ฮิวแมน แพปพิลโลมาไวรัส Human Papilloma Virus  (HPV) โดยสายพันธุ์หลักที่สัมพันธ์กับมะเร็งปากมดลูก คือสายพันธุ์ 16 และ 18 (โดยปกติจะมีประมาณกว่า 14 สายพันธุ์) จะนำปสู่การป้องกันการเกิดมะเเร็งปากมดลูก   
            
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ประเทศไทย ก็มีนโยบายในการให้วัคซีนนี้ในเด็กผู้หญิง ซึ่งคาดหวังว่าจะลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ในประเทศไทยได้
              
ก่อนหน้านี้ ผู้หญิงที่มีอายุ 9-26 ปี และยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ จะได้รับคำแนะนำให้ฉีดวัคซีน HPV โดย ต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็มภายในระยะเวลา 6 เดือน คือ
          - ครั้งที่ 1 ให้ฉีดตามช่วงอายุที่พร้อมแล้วต่อด้วย
          - ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 1-2 เดือน
          - ครั้งที่ 3 ห่างจากเข็มแรกประมาณ 6 เดือน
             
ต่อมามีหลายรายงานการวิจัย พบว่าการให้วัคซีน HPV แบบ 2 เข็ม น่าจะเพียงพอในผู้หญิงที่อายุยังน้อย โดยแนะนำให้ใช้ในผู้หญิงอายุ 9-14 ปีเท่านั้น ซึ่งเข็มที่ 1 ฉีดในวันที่กำหนดเลือกและหลังจากนั้นอีก 6 เดือน จึงค่อยฉีดเข็มที่ 2

จึงเกิดคำถามว่า ฉีดวัคซีน 2 เข็มแทน 3 เข็มได้จริงหรือไม่
             
เพื่อความชัดเจนในเรื่องนี้ ผมจึงขออนุญาติอ้างอิง รายงานล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปีนี้ โดย Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ในการส่งเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรค ในเมืองแอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา ผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค หรือ ACIP (The Advisory Committee on Immunization Practices)
              
ในข้อมูลจากการทบทวนศึกษาวิจัย และทดลองการใช้วัคซีนแบบ 2 เข็ม ในวัยแรกรุ่น 9-14 ปี พบว่า ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันได้เทียบเท่าหรือมากกว่าวัย 15-26 ปีที่ฉีด 3 เข็ม ทั้งมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการ ป้องกัน และยาวนาน แต่หากผู้ใด มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องก็ต้องฉีด 3 เข็ม
                
ทั้งนี้ไม่ความแตกต่างในเรื่องผลข้างเคียง คือ อาจปวด บวม แดงร้อน หรือมีไข้ได้
          
ข้อสำคัญ คือ แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังคงมีความจำเป็นในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเสมอ และต้องระลึกเสมอว่าเป็นการป้องกันไม่ใช่รักษา
                      
เราจะไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ภายใน 6 เดือน แต่หากบังเอิญเกิดตั้งครรภ์ก่อนครบกำหนดการฉีด แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่ามีผลต่อทารกก็ตาม เราจะรอหลังคลอดจึงจะฉีดเข็มต่อไป
                    
สำหรับองค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกานั้นได้อนุมัติการใช้ ตัวยา GARDASIL Gardasil 9  Cervarix ในการวัคซีนป้องกันมะเร็งในผู้หญิง เกี่ยวกับปากมดลูก ช่องคลอด และผู้ชาย ในด้านแผลทางทวารหนัก หูด ตุ่ม ก้อน ที่อวัยวะเพศ โดยมีข้อบ่งชี้ที่แตกต่างกัน โดยตารางการให้เป็นไปตามคำเสนอแนะของ ACIP CDC แบบ 2 เข็มแล้ว                 
                    
 ข่าวดีสำหรับคนไทย คือ คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติไทยมีมติเห็นชอบให้บรรจุวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ซึ่งคาดว่าคงจะดำเนินการให้บริการประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ในไม่ช้านี้ครับ
                     
โดยสรุป คือ ในเด็กผู้หญิงที่ภาวะภูมิกันปกติในช่วงอายุ 9-14 ปี สามารถใช้การฉีดแบบ 2 เข็ม ได้ครับ

ข้อมูลอ้างอิง. :  CDC ( Centers for disease control and, prevention.) October 19, 2016
                    :  FDA  ( Food and drug administration)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น