วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

ยินดีกับอดีตประธานาธิบดี จิมมี่ คาร์เตอร์ นักสู้ ใจเหนือมะเร็ง

เครดิตภาพประกอบ: http://www.theguardian.com/us-news/2015/dec/06/jimmy-carter-says-he-is-cancer-free

ตามที่ผมเคยลงเรื่อง อดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ตอน ใจเหนือมะเร็ง เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว  ตอนนั้น ท่านกล้าประกาศว่าท่านป่วยเป็นโรคมะเร็งในวัย 90 ย่างเข้า 91 ว่ามะเร็งในตัวท่าน ซึ่งเริ่มต้นที่ผิวหนัง ชนิด Melanoma หรือมะเร็งเม็ดสี กำลังลุกลามจากตับไปสู่สมองอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นเชื้อมะเร็งได้ลามขึ้นไปถึงสมอง 4 จุดเเล้ว ท่านได้กล่าวว่า อนาคตของท่านอยู่ในมือของพระเจ้าที่ท่านศรัทธา "It is in the hands of the god I worship" ท่านเดินหน้ารับการรักษาด้วยการฉายรังสี และรับยาต่อเนื่องขณะนั้นท่านมีกำลังใจที่ดี เปี่ยมไปด้วยพลังของการต่อสู้
             
วันนี้ ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ ทั้งที่มันเหมือนเป็นเช่นนั้น เพราะท่านประกาศว่าปัจจุบัน อาการแสดงและการตรวจด้วยเอกซเรย์สแกน ไม่พบรอยโรคมะเร็งแล้ว นับเป็นข่าวดีต่อท่านและผู้ป่วยในกลุ่มเดียวกัน
                  
เบื้องหลังการรักษานั้น หลังจากท่านได้รับการฉายรังสีแล้ว ท่านได้รับยา Pembrolizumab หนึ่งในยาใหม่ที่สร้างความหวังในการรักษามะเร็งด้วยการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immnunotherapy) ยา Pembrolizumab หรือที่รู้จักในชื่อการค้าว่า Keytruda ได้รับอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐ เมื่อปี2011  
                         
ทฤษฎีการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยภูมิคุ้มกันนั้นมีมานับเป็นสิบสิบปี

จนกระทั่งบัดนี้พบว่าเป็นยาที่ประสบผลสำเร็จอย่างน่าทึ่ง ทั้งยังมีผลดีอย่างไม่น่าเชื่อกับมะเร็งบางชนิดเช่น ปอด ศีรษะและลำคอ 
                 
แม้การใช้ยากลุ่มนี้ ซึ่งนอกจาก Keytruda แล้ว ยังมี Opdivo ต่างได้รับการอนุมัติใช้ในการรักษา  Advanced Melanoma หรือมะเร็งเม็ดสีในระยะลุกลาม ทั้ง ตัว มีคุณสมบัติเหมือนกัน คือขจัดโปรตีน Pd-1 ซึ่งเป็นตัวหยุดการต่อสู้เซลล์มะเร็งของระบบภูมิคุ้มกัน เพียงแต่อาจจะต่างเรื่องจำนวนและตารางการให้ยา  

หลังจากที่ท่านจิมมี่เล่าถึงอาการป่วยมะเร็งที่หายไป ผู้ป่วยบางคนพยายามเรียกร้องขอยาแบบเดียวกัน บางคนถึงกับเรียกว่า The President Drug  บ้างก็ขอเปลี่ยนยาที่ได้รับอยู่เดิม  จึงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในหลากหลายมุมมอง
                 
โดยทั่วไป เชื่อว่าเป็นไปได้ที่ยาตัวนี้ขจัดมะเร็งในสมองของท่านจิมมี่คาร์เตอร์ แต่ตัวยายังนับว่าใหม่เกินกว่าที่ใครจะทราบว่า  อาการจะกลับมาอีกหรือไม่และเมื่อไร
             
ขณะเดียวกัน แพทย์บางท่าน เช่น Dr. Atkins จาก ศูนย์มะเร็ง Georgetown กรุงวอชิงตัน ได้มีความเห็นว่ารังสีรักษาก็สามารถทำลายภาวะมะเร็งลุกลามไปยังสมองได้ดี ฉะนั้นตัวยาดังกล่าวอาจจะได้ผลเอง หรือ เป็นเพียงเป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้นก็ได้
               
ทั้งนี้ใช่ว่ายาตัวนี้จะทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคทุกราย เพราะยากลุ่มนี้มักจะได้ผลประมาณ ใน ราย แต่ที่น่าสนใจ คือ หากได้ผล จะได้ผลที่ดีมาก สิ่งที่คนไม่เข้าใจและต้องการรู้ว่าทำไมบางคนไม่ตอบสนองต่อยา  ดังนั้นนักวิจัยก็ยังคงต้องมีการศึกษาวิจัยเพื่อความก้าวหน้าของการรักษาอีกต่อไป
                       
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีของท่านได้สร้างความหวังแก่ผู้ป่วยมะเร็งอย่างมากหลายคนจะรู้สึกว่า ไม่ว่าโรคจะหายจริงหรือไม่ แต่ด้วยวัย 91 ปีของท่านอดีตประธานาธิบดี ท่านได้จากโรคมะเร็งไปมากกว่าจะจากไปเพราะโรคมะเร็ง เพราะโรคมะเร็งทำอะไรท่านไม่ได้ทั้งกายและใจ ท่านเป็นผู้ป่วยตัวอย่างที่น่ายกย่องที่สุดท่านหนึ่งครับ

ข้อมูลจาก   The Guardian, Statnew, USA today


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น